เมนู

เป็นอนุปาทาปรินิพพาน ท่านก็ตอบว่า ไม่ใช่ทั้งนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ จะพึง
เห็นเนื้อความของถ้อยคำที่ท่านกล่าวนี้อย่างไรเล่า.
[297] ปุ. ผู้มีอายุ ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าจักทรงบัญญัติสีลวิสุทธิ
ว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพานแล้ว ก็ชื่อว่าทรงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทานี้ ว่าเป็น
อนุปาทาปรินิพพาน ถ้าจักทรงบัญญัติจิตตวิสุทธิ ทิฏฐิวิสุทธิ กังขาวิตรณวิ-
สุทธิ มัคคามัคญาณทัสสนวิสุทธิ ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ญาณทัสสนวิสุทธิ
ว่าเป็นอนุปาทาปรินิพพานแล้ว ก็ชื่อว่าทรงบัญญัติธรรมที่ยังมีอุปาทาน ว่าเป็น
อนุปาทาปรินิพพาน ถ้าหากว่าธรรมนอกจากธรรมเหล่านี้ จักเป็นอนุปาทา-
ปรินิพพานแล้ว ปุถุชนจะชื่อว่าปรินิพพาน เพราะว่าปุถุชนไม่มีธรรมเหล่านี้
ผู้มีอายุ ผมจะอุปมาให้ท่านฟัง บุรุษผู้เป็นวิญญูชนบางพวกในโลกนี้ ย่อมรู้
เนื้อความแห่งคำที่กล่าวแล้วด้วยอุปมา.

อุปมาด้วยรถ 7 ผลัด


[298] ผู้มีอายุ เปรียบเหมือนพระเจ้าปเสนทิโกศล กำลังประทับ
อยู่ในกรุงสาวัตถี มีพระราชกรณียะด่วนบางอย่างเกิดขึ้นในเมืองสาเกต และ
ในระหว่างกรุงสาวัตถีกับเมืองสาเกตนั้น จะต้องใช้รถถึง 7 ผลัด ลำดับนั้น
พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จออกจากกรุงสาวัตถี ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่หนึ่งที่
ประตูพระราชวัง ไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่สองด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่หนึ่ง จึง
ปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่หนึ่ง ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่สอง เสด็จไปถึงรถพระ-
ที่นั่งผลัดที่สาม ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่สอง ทรงปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่สอง
ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่สาม เสด็จถึงรถพระที่นั่งผลัดที่สี่ ด้วยรถพระที่นั่งผลัด
ที่สาม ปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่สาม ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่สี่ เสด็จที่รถ
พระที่นั่งผลัดที่ห้า ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่สี่ ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า เสด็จ

ไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่หก ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่ห้า ปล่อยรถพระที่นั่งผลัด
ที่ห้า ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่หก เสด็จไปถึงรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด ด้วยรถ
พระที่นั่งผลัดที่หก ปล่อยรถพระที่นั่งผลัดที่หก ทรงรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด
เสด็จไปถึงเมืองสาเกตที่ประตูพระราชวัง ด้วยรถพระที่นั่งผลัดที่เจ็ด ถ้าพวก
มิตรอำมาตย์หรือพระญาติสาโลหิตจะพึงทูลถามพระองค์ว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า
พระองค์เสด็จมาจากกรุงสาวัตถีถึงเมืองสาเกตที่ประตูพระราชวัง ด้วยรถพระ-
ที่นั่งผลัดนี้ผลัดเดียวหรือ ผู้มีอายุ พระเจ้าปเสนทิโกศลจะตรัสตอบอย่างไร
จึงจะเป็นอันตรัสตอบถูกต้อง.
สา. ผู้มีอายุ พระเจ้าปเสนทิโกศลจะต้องตรัสตอบอย่างนี้ จึงจะเป็น
อันตรัสตอบถูกต้อง คือ เมื่อเรากำลังอยู่ในกรุงสาวัตถีนั้น มีกรณียะด่วน
บางอย่างเกิดขึ้นในเมืองสาเกต ก็ในระหว่างกรุงสาวัตถีกับเมืองสาเกตนั้น จะ
ต้องใช้รถถึง 7 ผลัด เมื่อเช่นนั้นเราจึงออกจากกรุงสาวัตถีขึ้นรถผลัดที่หนึ่งที่
ประตูวังไปถึงรถผลัดที่สอง ด้วยรถผลัดที่หนึ่ง ปล่อยรถผลัดที่หนึ่ง ขึ้นรถ
ผลัดที่สอง ไปถึงรถผลัดที่สามด้วยรถผลัดที่สอง ปล่อยรถผลัดที่สอง ขึ้นรถ
ผลัดที่สาม ไปถึงรถผลัดที่สี่ด้วยรถผลัดที่สาม ปล่อยรถผลัดที่สาม ขึ้นรถ
ผลัดที่สี่ ไปถึงรถผลัดที่ห้าด้วยรถผลัดที่สี่ ปล่อยรถผลัดที่สี่ ขึ้นรถผลัดที่ห้า
ไปถึงรถผลัดที่หกด้วยรถผลัดที่ห้า ปล่อยรถผลัดที่ห้า ขึ้นรถผลสัดที่หก ไปถึง
รถผลัดที่เจ็ดด้วยรถผลัดที่หก ปล่อยรถผลัดที่หก ขึ้นรถผลัดที่เจ็ด ไปถึง
เมืองสาเกตที่ประตูวังด้วยรถผลัดที่เจ็ด ผู้มีอายุ พระเจ้าปเสนทิโกศล จะต้อง
ตรัสตอบอย่างนี้จึงจะเป็นอันตรัสตอบถูกต้อง.
ปุ. ผู้มีอายุ ข้อนี้ก็ฉันนั้น สีลวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่จิตตวิสุทธิ
จิตตวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่ทิฏฐิวิสุทธิ ทิฏฐิวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่กังขาวิตรณ
วิสุทธิ กังขาวิตรณวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ มัคคา-

มัคคญาณทัสสนวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ ปฏิปทาญาณ-
ทัสสนวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่ญาณทัสสนวิสุทธิ ญาณทัสสนวิสุทธิเป็นประโยชน์
แก่อนุปาทาปรินิพพาน ผู้มีอายุ ผมประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า
เพื่ออนุปาทาปรินิพพาน.
[299] เมื่อท่านพระปุณณมันตานีบุตรกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระ-
สารีบุตรจึงถามว่า ผู้มีอายุ ท่านชื่ออะไร และพวกภิกษุเพื่อนพรหมจรรย์
รู้จักท่านว่าอย่างไร.
ท่านพระปุณณมันตานีบุตรตอบว่า ผู้มีอายุ ผมชื่อปุณณะ แต่พวก
ภิกษุเพื่อนพรหมจรรย์รู้จักผมว่ามันตานีบุตร ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ผู้มี
อายุ น่าอัศจรรย์นัก ไม่เคยมีมาแล้ว ธรรมอันลึกซึ้ง อันท่านพระปุณณมัน-
ตานีบุตร เลือกเฟ้นมากล่าวแก้ด้วยปัญญาอันลึกซึ้ง ตามเยี่ยงพระสาวกผู้ได้สดับ
แล้ว รู้ทั่วถึงคำสอนของพระศาสดาโดยถ่องแท้ จะพึงกล่าวแก้ ฉะนั้น เป็น
ลาภมากของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ความเป็นมนุษย์อันเพื่อนพรหมจรรย์
ได้ดีแล้ว ที่ได้พบเห็นนั่งใกล้ท่านพระปุณณมันตานีบุตร แม้หากว่าเพื่อน
พรหมจรรย์ทั้งหลาย จะเทิดท่านพระปุณณมันตานีบุตรไว้บนศีรษะด้วยเซิดผ้า
จึงจะได้พบเห็นนั่งใกล้ แม้ข้อนั้นก็นับว่าเป็นลาภมากของเธอเหล่านั้น ความ
เป็นมนุษย์อันเธอเหล่านั้นได้ดีแล้ว อนึ่ง นับว่าเป็นลาภมากของผมด้วย เป็น
การได้ดีของผมด้วย ที่ได้พบเห็นนั่งใกล้ท่านพระปุณณมันตานีบุตร.
[300] เมื่อท่านพระสารีบุตรกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระปุณณมัน-
ตานีบุตรจึงถามว่า ผู้มีอายุ ท่านชื่ออะไร และเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายรู้จัก
ท่านว่าอย่างไร ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ผู้มีอายุ ผมชื่ออุปติสสะ แต่พวก
เพื่อนพรหมจรรย์รู้จักผมว่าสารีบุตร ท่านพระปุณณมันตานีบุตรกล่าวว่า ท่าน
ผู้เจริญ ผมกำลังพูดอยู่กับท่านผู้เป็นสาวกทรงคุณคล้ายกับพระศาสดา มิได้ทราบ

เลยว่า ท่านชื่อสารีบุตรแล้ว คำที่พูดไปเพียงเท่านี้ คงไม่แจ่มแจ้งแก่ผมได้
เป็นการน่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยมีมาแล้ว ธรรมอันลึกซึ้งอันท่านพระสารีบุตร
เลือกเฟ้นมาถามแล้วด้วยปัญญาอันลึกซึ้ง ตามเยี่ยงพระสาวกผู้ได้สดับแล้ว
รู้ทั่วถึงคำสอนของพระศาสดาโดยถ่องแท้ จะพึงถาม ฉะนั้น เป็นลาภมากของ
เพื่อนพรหมจรรย์ ความเป็นมนุษย์นับว่าเพื่อนพรหมจรรย์ได้ดีแล้ว ที่ได้
พบเห็นนั่งใกล้ท่านพระสารีบุตร แม้หากว่าเพื่อนพรหมจรรย์จะเทิดท่านพระ-
สารีบุตรไว้บนศีรษะด้วยเซิดผ้า จึงจะได้พบเห็นนั่งใกล้ แม้ข้อนั้นก็เป็นลาภ
มากของเธอเหล่านั้น ความเป็นมนุษย์นับว่าอันเธอเหล่านั้นได้ดีแล้ว อนึ่ง
นับว่าเป็นลาภมากของผมด้วย เป็นการได้ดีของผมด้วย ที่ได้พบเห็นนั่งใกล้
ท่านพระสารีบุตร.
พระมหานครทั้งสองนั้น ต่างชื่นชมสุภาษิตของกันและกันด้วยประการ
ฉะนี้แล
จบ รถวินีตสูตรที่ 4

อรรถกถารถวินีสูตร


รถวินีตสูตรเริ่มต้นว่า ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้:-
พึงทราบวินิจฉัยในรถวินีสูตรนั้น บทว่า ราชคเห ได้แก่นครมีชื่อ
อย่างนี้. จริงอยู่ นครนั้น ท่านเรียกว่า ราชคฤห์ เพราะพระเจ้ามนธาตุราช
และมหาโควินทศาสดาเป็นต้น คุ้มครองรักษาไว้. แต่ท่านอาจารย์พวกอื่น
พรรณนาไว้หลายประการในคำนี้. ท่านพรรณนาไว้อย่างไร ท่านพรรณนาไว้ว่า
คำนี้เป็นชื่อของนครนั้น ก็กรุงราชคฤห์นั้น เป็นนครทั้งในกาลแห่งพระ-
พุทธเจ้า ทั้งในกาลแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ ในเวลานอกนั้น ก็เป็นนครร้าง
มีแต่ผีเฝ้าแหนไว้ กลายเป็นป่าที่อยู่ของผีพวกนั้นไป. คำว่า เวฬุวัน ในคำว่า
เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป เป็นชื่อของอุทยานนั้น. นัยว่า อุทยานนั้น มี
ไม้ไผ่ล้อมไว้รอบ มีกำแพงสูง 18 ศอก ประกอบด้วยซุ้มประตูและป้อม มี
สีเขียวสดใสน่ารื่นรมย์ ท่านจึงเรียกว่า เวฬุวัน. อนึ่ง คนทั้งหลายได้ให้เหยื่อ
แก่เหล่ากระแตในเวฬุวันนั้น ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงเรียกว่า กลันทกนิวาปะ
เป็นที่ให้เหยื่อแก่กระแต.
เล่ากันว่า แต่ก่อน พระราชาพระองค์หนึ่ง เสร็จมาเพื่อทรงกีฬาใน
พระราชอุทยานนั้น แต่ทรงเมาด้วยน้ำจัณฑ์ ก็บรรทมหลับไปเวลากลางวัน.
แม้ชนที่อยู่ข้างเคียงท้าวเธอ รู้ว่าพระราชาบรรทมหลับแล้ว ก็หยิบฉวยดอกไม้
ผลไม้เป็นต้น ต่างแยกย้ายกันไป. คราวนั้น งูเห่าตัวหนึ่ง ได้กลิ่นสุรา ก็เลื้อย
ออกมาจากโพรงไม้ต้นหนึ่ง บ่ายหน้ามาทางพระราชา. รุกขเทวดาเห็นงูเห่า
นั้นแล้ว ก็แปลงเพศเป็นกระแต หมายจะช่วยชีวิตพระราชา มากระทำเสียงที่